ปลูกผม / รักษาผมร่วง ผมบาง
ผมร่วงเกิดจากอะไร ? รู้สาเหตุและแนวทาง
คืนผมสวยเป็นธรรมชาติ
ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหน หรืออยู่ในช่วงวัยใด เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้ปัญหาผมร่วง ผมบาง หรือปัญหาศีรษะล้านเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่เราต้องยอมรับความจริงที่ว่า “เส้นผมของคนเรามีการหลุดร่วงทุกวันตามธรรมชาติ” ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วจะร่วงอยู่ที่ประมาณ 50-100 เส้นต่อวัน เพื่อผลัดเปลี่ยนให้เส้นผมชุดใหม่งอกขึ้นมาทดแทน อย่างไรก็ตาม หากคุณเริ่มรู้สึกว่าผมร่วงเยอะมากผิดปกติ หรือผมเริ่มบางลงจนเห็นหนังศีรษะได้อย่างชัดเจน นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าวงจรเส้นผมของคุณกำลังมีปัญหา Max Hair Thailand จะพาคุณไปสำรวจสาเหตุผมร่วงที่แท้จริง พร้อมแนวทางการรักษาผมบางที่ถูกต้องทางการแพทย์ เพื่อกู้คืนความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง
สัญญาณเตือน "ผมร่วงเยอะมาก" แบบไหนที่ไม่ควรมองข้าม ?
ก่อนที่จะไปดูสาเหตุ ลองสังเกตตัวเองดูก่อนว่าคุณเข้าข่ายมีปัญหาผมร่วงผิดปกติแล้วหรือยัง โดยสามารถเช็กได้จากสัญญาณเหล่านี้
- ปริมาณผมร่วงต่อวัน : หากสังเกตเห็นว่ามีเส้นผมร่วงมากกว่า 100-150 เส้นต่อวันอย่างต่อเนื่อง (สังเกตได้จากท่อน้ำทิ้งในห้องน้ำ หรือบนหมอน)
- ขนาดเส้นผมเปลี่ยนไป : ผมที่ร่วงมีขนาดเส้นเล็กและลีบแบนกว่าปกติ หรือผมชุดใหม่ที่งอกขึ้นมาไม่แข็งแรงเหมือนเดิม
- รูปแบบการร่วง :
- ในผู้ชาย : แนวไรผมด้านหน้าเริ่มร่นขึ้นไปเป็นรูปตัว M หรือผมบริเวณกลางกระหม่อมเริ่มบางจนเห็นหนังศีรษะ (ไข่ดาว)
- ในผู้หญิง : รอยแสกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ผมบางลงทั่วศีรษะ แต่แนวไรผมด้านหน้ายังคงอยู่
- ร่วงเป็นหย่อม : มีผมร่วงเป็นวงกลมขนาดเท่าเหรียญ ผิวหนังบริเวณนั้นเรียบเนียนผิดปกติ
เจาะลึกต้นตอ ปัญหาผมร่วงเกิดจากอะไร ?
ภาวะผมร่วงและผมบาง (Alopecia) สามารถแบ่งสาเหตุหลักได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ดังนี้
- ภาวะผมร่วงแบบมีแผลเป็น (Scarring Alopecia) : ปัญหาผมร่วงกลุ่มนี้เกิดจากการถูกทำลายของต่อมรากผม (Hair Follicle) อย่างถาวร ทำให้ผมไม่สามารถงอกใหม่ได้ สาเหตุเกิดจากอุบัติเหตุ แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก การติดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือการดึงผมอย่างรุนแรงเรื้อรัง
- โรคผมบางศีรษะล้านจากกรรมพันธุ์และฮอร์โมน (Androgenetic Alopecia) : เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดถึง 90% ของคนที่มีปัญหาผมร่วง โดยเกิดจาก 2 ปัจจัยประสานกัน คือ
- พันธุกรรม (Genetics) : หากพ่อแม่หรือบรรพบุรุษมีประวัติศีรษะล้าน คุณก็มีความเสี่ยงสูง โดยยีนฝั่งแม่อาจมีผลต่อโรคมากกว่าฝั่งพ่อเล็กน้อย
- ฮอร์โมนเพศชาย (Androgens) : ตัวการสำคัญคือฮอร์โมน Dihydrotestosterone (DHT) ซึ่งแปลงสภาพมาจากเทสโทสเตอโรน ฮอร์โมนตัวนี้จะเข้าไปจับกับตัวรับบริเวณรากผม ทำให้วงจรชีวิตเส้นผมสั้นลง เส้นผมชุดใหม่ที่งอกขึ้นมาจะมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ (Miniaturization) จนกลายเป็นเพียงไรขน และสุดท้ายรากผมจะฝ่อจนไม่สร้างเส้นผมอีกเลย ทำให้เกิดภาวะศีรษะล้านในที่สุด
การรักษาผมบาง ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย (ที่ยังไม่ถึงขั้นศีรษะล้าน)
สำหรับวิธีการรักษาผมบาง ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย สามารถแบ่งประเภทของกระบวนการได้ดังต่อไปนี้
- ยารับประทาน (Oral medication) : ถือเป็นวิธีรักษาผมร่วงแบบเบื้องต้นที่สุด แก้ผมบาง อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน จำเป็นต้องรับประทานยาติดต่อกันอย่างเคร่งครัด 12-18 เดือน โดยในช่วง 1-2 เดือนแรกจะมีการผลัดใบเส้นผมตามวงจรเส้นผม และจะเริ่มเห็นผลเมื่อรับประทานยาต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือน โดยยาทานที่มักใช้กันในปัจจุบัน ได้แก่
- Finasteride : กลไกของยาจะไปยับยั้งเอนไซม์ 5-Alpha reductase ทำให้ลดการสร้างฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุของการทำลายรากผมได้ ในผู้ชายหลายคนมีความกังวลถึงผลข้างเคียงของตัวยาชนิดนี้ต่อเรื่องสมรรถภาพทางเพศที่อาจลดน้อยถอยลง แต่จากงานวิจัยพบว่า สามารถเจอภาวะนี้ได้เพียง 1.9 % ของคนที่รับประทานยาเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก และไม่ได้เป็นถาวร
- Minoxidil : กลไกของยาจะไปขยายหลอดเลือดแดงในร่างกาย ทำให้เลือดสามารถเข้าไปเลี้ยงบริเวณรากผมได้ดียิ่งขึ้น
- Zinc & Biotin : เป็นกลุ่มของวิตามินและแร่ธาตุบำรุงเส้นผมที่ช่วยแก้ผมร่วง แก้ผมบางได้ โดยมีส่วนในการช่วยสร้าง Keratin ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเส้นผม
- ยาทา หรือเซรัม (Topical treatment) : เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ผมร่วง ผมบาง โดยจะเป็นตัวยาในกลุ่ม Finasteride และ Minoxidil เช่นเดียวกับยาในรูปแบบรับประทาน และให้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แตกต่างกัน หากมีการใช้ยาที่ถูกต้อง โดยจะพิจารณาใช้ในกลุ่มคนไข้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากยารับประทานเป็นหลัก
- การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น : เป็นการรักษาผมร่วงที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยการนำเลือดของตัวเองไปปั่นให้เกิดการแยกชั้น โดยในชั้น Plasma ที่แยกออกมาได้ จะเป็นชั้นที่มีองค์ประกอบของ Growth factor และวิตามินต่าง ๆ ของร่างกาย แล้วจึงนำชั้นดังกล่าวฉีดกลับเข้าไปตรงบริเวณที่มีภาวะผมบาง เพื่อฟื้นฟูและซ่อมแซมรากผมในบริเวณดังกล่าวโดยตรง
- การฉีดสารสกัด Exosome : เป็นการแก้ผมร่วงโดยใช้สารประกอบโปรตีนและเซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell) อนุภาคเล็ก สกัดจากสายสะดือหรือไขกระดูก โดยนำมาฉีดบริเวณหนังศีรษะที่ผมบาง เพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์รากผม โดยให้ผลลัพธ์อยู่ที่ 8-12 เดือน
- การฉีดเซลล์ต้นกำเนิดของตนเอง (Regenera activa) : เป็นนวัตกรรมการรักษาใหม่ในปัจจุบัน โดยการสกัดเซลล์ต้นกำเนิด (Stem cell ) จากรากผมของตนเอง แล้วนำมาฉีดบริเวณหนังศีรษะ เพื่อช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นการแบ่งเซลล์ของรากผม ผลจากงานวิจัยในปัจจุบันมีแนวโน้มผลลัพธ์ที่ดีในการรักษาผมบางระยะน้อย และแนะนำใช้ร่วมกับการปลูกผมในระยะรุนแรงเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
เมื่อทราบสาเหตุแล้วว่าผมร่วงเกิดจากอะไรได้บ้าง ดังนั้น อย่าปล่อยให้ปัญหาผมบางบานปลายจนรากผมเสียหายถาวร Max Hair Thailand พร้อมดูแลคุณด้วยมาตรฐานทางการแพทย์ที่ครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่การฟื้นฟูแก้ผมบางระยะเริ่มต้น ไปจนถึง การศัลยกรรมปลูกผม ทีมแพทย์ของเราพร้อมวิเคราะห์และออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยยา, การทำทรีตเมนต์ (PRP/Exosome) หรือการแก้ปัญหาศีรษะล้านถาวรด้วยเทคนิคปลูกผมต่าง ๆ ที่ช่วยสร้างแนวไรผมใหม่ให้ดูแน่น เป็นธรรมชาติ และปลอดภัย โดยสามารถเข้ามาปรึกษาและประเมินสภาพเส้นผมกับแพทย์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สอบถามข้อมูลได้ที่ 083-289-1664 หรือ LINE: @MAXHAIR
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
การรักษาผมบางแต่ละวิธี ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผล ?
โดยทั่วไป การรักษาด้วยยา (Finasteride/Minoxidil) จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเมื่อทานต่อเนื่อง 6 เดือนขึ้นไป และเห็นผลเต็มที่ใน 12-18 เดือน ส่วนการทำหัตถการ เช่น PRP หรือ Exosome อาจเห็นความเปลี่ยนแปลงเรื่องคุณภาพผมได้เร็วกว่า คือประมาณ 3-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคล
กินยาปลูกผมแล้วสมรรถภาพทางเพศจะเสื่อมจริงไหม ?
มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก (น้อยกว่า 2%) และเป็นผลข้างเคียงชั่วคราว หากร่างกายปรับตัวได้อาการมักจะดีขึ้นเอง หรือหากหยุดยาก็จะกลับมาเป็นปกติ โดยคนไข้ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์เพื่อความสบายใจ
ความเครียดทำให้ผมร่วงได้จริงหรือ ?
จริง แต่จะเป็นลักษณะผมร่วงแบบฉับพลัน (Telogen Effluvium) คือร่วงเยอะผิดปกติในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งต่างจากอาการผมบางจากกรรมพันธุ์ หากกำจัดความเครียดได้ ร่างกายพักผ่อนเพียงพอ เส้นผมมักจะกลับมางอกใหม่ได้เอง
ผมร่วงกรรมพันธุ์ในผู้หญิงต่างจากผู้ชายอย่างไร ?
ในผู้ชายศีรษะล้านมักเป็นรูปแบบที่ชัดเจน (เถิกรูปตัว M หรือล้านไข่ดาว) แต่ผู้หญิงมักจะเป็นภาวะ “ผมบางทั่วศีรษะ” (Diffuse Thinning) โดยรอยแสกจะกว้างขึ้นเรื่อย ๆ แต่แนวไรผมด้านหน้ามักจะไม่ร่นขึ้นไปเหมือนผู้ชาย
หลังปลูกผมแล้ว ยังต้องทำ PRP หรือกินยาต่อไหม ?
แนะนำให้ทำต่อ เพราะการปลูกผมคือการย้ายรากผมใหม่มาใส่ แต่ผมเดิมที่มีอยู่ก็ยังต้องการการบำรุงเพื่อไม่ให้ร่วงเพิ่ม การทำ PRP หรือทานยาจะช่วยพยุงผมเดิมและช่วยให้ผมที่ปลูกใหม่แข็งแรงไวขึ้น
ค่าใช้จ่ายในการรักษาเริ่มต้นเท่าไร ?
ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับวิธีรักษาและปริมาณยา/โดสที่ใช้ ซึ่งแพทย์ต้องประเมินก่อน อย่างไรก็ตาม ที่ Max Hair Thailand ท่านสามารถเข้ามาปรึกษาและประเมินเบื้องต้นกับแพทย์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อทราบงบประมาณก่อนตัดสินใจ
