ปลูกผม FUE-MAX แก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง ศีรษะล้าน จบทุกความกังวล

การปลูกผมด้วยเทคนิค FUE แก้ปัญหาผมบาง ผมร่วง หัวล้าน

ปัญหาผมบาง ผมร่วง และศีรษะล้าน เป็นสิ่งที่บั่นทอนความมั่นใจของคนที่ต้องเผชิญ ทั้งยังสร้างความยุ่งยากในการใช้ชีวิต เพราะต้องคอยจัดทรงผมเพื่อปกปิดบริเวณที่เป็นปัญหา ดังนั้น เพื่อช่วยแก้ไขปัญหานี้และเรียกความมั่นใจให้กลับคืนมา จึงได้มีการพัฒนาเทคนิคการปลูกผมถาวรที่เรียกว่า FUE (Follicular Unit Extraction) ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง และศีรษะล้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

แม็กซ์แฮร์ คลินิก เป็นคลินิกปลูกผม FUE ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและดารานักแสดงมากมาย ซึ่งเราได้นำวิธีการปลูกผมแบบ FUE มาช่วยแก้ปัญหาทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งการปลูกผมเทคนิค FUE ที่ทางคลินิกเลือกใช้จะเป็นวิธีการปลูกผมที่เรียกว่า FUE-MAX โดยเป็นการใช้ประสบการณ์ของทางคุณหมอ เพื่อให้การปลูกผม FUE ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น

การปลูกผมแบบ FUE-MAX คืออะไร ?

ก่อนจะรู้ว่าการปลูกผมเทคนิค FUE-MAX คืออะไร เรามาทำความเข้าใจวิธีปลูกผม FUE กันก่อน

การปลูกผม FUE คือ การปลูกผมโดยการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณที่มีผมดกดำ ไปยังบริเวณที่มีปัญหา โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด จึงทำให้แผลจากการปลูกผมมีขนาดเล็ก อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ มั่นใจได้ว่าผมที่งอกขึ้นมาใหม่จะไม่หลุดร่วงซ้ำให้ต้องเจ็บช้ำใจ

ในส่วนของการปลูกผมเทคนิค FUE-MAX ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทาง แม็กซ์แฮร์ คลินิก นำมาให้บริการนั้น เป็นวิธีทำให้ผมที่ขึ้นใหม่มีความหนาแน่นกว่า FUE แบบปกติ โดยมีรายละเอียดดังนี้

การปลูกผมเทคนิค FUE-MAX
  1. การปลูกผมเทคนิค FUE-MAX จะเลือกใช้หัวเจาะที่มีขนาดเล็กสำหรับเจาะเอารากผมออกมา เพื่อให้เกิดรอยแผลเล็กที่สุด
  2. การปลูกผมเทคนิค FUE-MAX จะต้องมีการคำนวณการวางแนวผมให้ได้ความหนาแน่นสูงสุด บนขีดจำกัดของเทคนิค FUE-MAX ซึ่งทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและให้ความหนาแน่น จึงทำให้แนวผมใหม่ดูเป็นธรรมชาติ
  3. นอกจากจะใช้หัวเจาะที่มีขนาดเล็กแล้ว หัวใจสำคัญอีกหนึ่งข้อของการใช้วิธีปลูกผม FUE-MAX คือเครื่องมือเก็บกราฟต์ ซึ่งหมอปลูกผม FUE ที่ แม็กซ์แฮร์ คลินิก จะเลือกเครื่องมือเก็บกราฟต์ที่มีความละเอียดสูง เพื่อช่วยลดการบาดเจ็บของรอยแผล อีกทั้งลดเปอร์เซ็นความเสียหายของเนื้อเยื่อกราฟต์ผมที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเก็บกราฟต์ ทำให้เพิ่มอัตราการอยู่รอดของกราฟต์ได้มากยิ่งขึ้น
  4. สิ่งสำคัญที่ทำให้วิธีการปลูกผมแบบ FUE-MAX เป็นวิธีที่สามารถมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า คือการเสริมความแข็งแรงของกราฟต์ขึ้นไปอีกระดับ

ความแตกต่างระหว่างการปลูกผมแบบ FUT และ FUE

หลังจากที่เราได้รู้จักกับวิธีการปลูกผมแบบ FUE กันไปแล้ว แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่า แล้วเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE แตกต่างจากเทคนิคการปลูกผม FUT อย่างไร เรามาดูความแตกต่างของการปลูกผมทั้ง 2 วิธีกันเลย

เทคนิคการปลูกผมที่นิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ FUT (Follicular Unit Transplantation) และ FUE (Follicular Unit Extraction) ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้ เป็นการปลูกผมโดยใช้หลักการในการย้ายรากผมเหมือนกัน แต่แตกต่างที่วิธีการเก็บกราฟต์ผม ซึ่ง FUT จะเป็นการผ่าตัดหนังศรีษะบริเวณ DonorArea เพื่อทำการเก็บกราฟต์ผมและเย็บปิดบริเวณปากแผล ซึ่งวิธีนี้จะได้กราฟต์ผมที่มีจำนวนมาก แต่ทำให้รู้สึกเจ็บ และต้องทำการพักฟื้นเพื่อรักษาตัว อีกทั้งรอยแผลยังเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนอีกมากมาย

ความแตกต่างของการปลูกผมเทคนิค FUE และ FUT

แต่สำหรับการปลูกผมเทคนิค FUE (Follicular Unit Extraction) จะเป็นเทคนิคที่เกิดจากการพัฒนาวิธีปลูกผมขึ้นมาใหม่ ด้วยวิธีเก็บกราฟต์ผมที่มีความปลอดภัยสูงและลดอาการบาดเจ็บ จนไม่ต้องทำการพักฟื้นใด ๆ อีกทั้ง FUE ยังให้ผลลัพธ์การปลูกผมที่ดีเทียบเท่ากันกับเทคนิค FUT

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้การปลูกผมเทคนิค FUE ที่ถึงแม้จะมีราคาค่อนข้างสูงกว่า แต่กลับได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และยังมีการพัฒนานวัตกรรมและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อตอบสนองต่อการรักษาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ปลูกผมเทคนิค FUE คุ้มค่าแค่ไหน ?

การปลูกผมเทคนิค FUE ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผมบาง ศีรษะล้าน หรือแนวผมร่น เพราะเป็นวิธีปลูกผมถาวรที่ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ และสามารถคงอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่ต้องทำซ้ำหลายครั้ง นอกจากนี้ ยังเป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัยสูง แผลเล็กมากจนมองไม่เห็น เจ็บน้อย ไม่ต้องพักฟื้นนาน อีกทั้งการปลูกผม FUE ยังช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเห็นผล

ข้อดีของการปลูกผมเทคนิค FUE ที่ทำให้ได้รับความนิยม

เทคนิค FUE ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากวิธีปลูกผมแบบเดิม ๆ ดังนี้

  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีการผ่าหนังศีรษะ จึงไม่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่
  • แผลเล็ก เจ็บน้อย แผลจากการเจาะเก็บกราฟต์มีขนาดเพียง 0.6-1.0 มิลลิเมตร ทำให้เจ็บน้อยและฟื้นตัวเร็ว
  • ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ วางแนวเส้นผมและความหนาแน่นได้ใกล้เคียงเส้นผมเดิม
  • ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติหลังทำเพียง 1-2 วัน
  • ใช้ผมจริงของผู้เข้ารับการรักษา เส้นผมที่ปลูกใหม่จะคงอยู่ตลอดไป และไม่หลุดร่วงง่ายเหมือนเส้นผมปกติที่อ่อนแอ

การปลูกผม FUE เหมาะกับใครบ้าง ?

การปลูกผมแบบ FUE เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วง ศีรษะล้าน ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง โดยเฉพาะผู้ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้านบางส่วน หรือผมร่วงจากกรรมพันธุ์
  • ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาแนวผมร่น หน้าผากกว้าง
  • ผู้ที่ต้องการปลูกคิ้ว หนวด เครา หรือจอนผม
  • ผู้ที่ต้องการปลูกผมโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น
  • ผู้ที่สุขภาพดี ไม่มีโรคที่เป็นข้อห้ามในการปลูกผม

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการปลูกผม FUE

เพื่อให้การปลูกผม FUE ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผู้เข้ารับบริการควรเตรียมตัวดังนี้

  • งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนปลูก
  • งดรับประทานวิตามินหรือยาบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี
  • สระผมให้สะอาดในวันที่เข้ารับการปลูก
  • งดการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมทุกชนิด
  • ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา หรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบล่วงหน้า

ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจปลูกผม FUE

แม้การปลูกผม FUE จะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยมสูง แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณา ดังนี้

  • ราคาสูงกว่าการปลูกผมแบบ FUT
  • ใช้เวลานานกว่าการปลูก FUT หากปลูกจำนวนมาก
  • ผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้านทั่วทั้งศีรษะ หรือผมบริเวณท้ายทอยบางมาก อาจไม่มีเส้นผมเพียงพอในการนำมาปลูก
  • เส้นผมที่ปลูกใหม่จะเริ่มร่วงในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก ก่อนจะงอกใหม่อย่างถาวร ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
ผลลัพธ์ของการปลูกผมเทคนิค FUE

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

การปลูกผม FUE ใช้เวลาประมาณ 6-10 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนของเส้นผมในบริเวณที่ปลูก และจำนวนกราฟต์ผมที่ต้องใช้

ความจริงแล้วสามารถทำได้โดยไม่ต้องพักงาน หากเป็นงานหรือกิจกรรมที่ไม่ต้องทำกลางแจ้งหรือออกแดด แต่ควรหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณที่ปลูก หรือหากต้องการลางาน สามารถลาได้ 1-2 วันเพื่อลดความเสี่ยงการกระทบกระเทือนต่อกราฟต์ผมที่ปลูกไว้

ดูแลไม่ยาก แต่ในช่วง 1-2 วันแรก ต้องระวังการกระทบกระเทือนในบริเวณที่ปลูกเป็นพิเศษ และแนะนำให้เข้ามาล้างแผล พร้อมสระผมที่คลินิก (บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย) นอกจากนี้ ในช่วงเดือนแรกควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส หรือหวีผมในบริเวณที่ปลูกอย่างรุนแรง และงดการใช้สารเคมีกับผม

ผมที่นำมาปลูก ต้องเป็นผมของคนไข้เองเท่านั้น ซึ่งเป็นเส้นผมที่นำมาจากบริเวณท้ายทอย ไม่สามารถใช้เส้นผมของคนอื่น หรือเส้นผมเทียมมาปลูกได้

หลังการปลูกผมแบบ FUE ผู้เข้ารับบริการจะเริ่มเห็นแนวผมใหม่เริ่มงอกในช่วงเดือนที่ 3-4 โดยกราฟต์ผมที่ปลูกจะเริ่มงอกใหม่และปรับตัวเข้ากับผิวหนังบริเวณที่ปลูก จากนั้นในช่วง 6 เดือน จะเริ่มเห็นแนวผมใหม่ชัดเจนขึ้น และภายใน 1.5 ปี หรือ 18 เดือน จะได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ แนวผมจะดูหนาแน่นขึ้น ซึ่งเส้นผมที่ขึ้นใหม่สามารถตัด แต่ง หรือเซตทรงได้ตามปกติ

ไม่จำเป็น การปลูกผมสามารถทำแบบไม่ต้องโกนได้ ขึ้นอยู่ขนาดกับพื้นที่ที่ต้องการปลูก และการประเมินของแพทย์

การปลูกผมวิธีนี้เป็นการปลูกผมถาวร เพราะใช้เซลล์รากผมของคนไข้มาทำการปลูกผม โดยเลือกเอาส่วนที่แข็งแรงหรือร่วงยากมาใช้ คุณภาพของเส้นผมที่ได้จึงยังคงเหมือนเดิม เพียงแค่ย้ายตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งเส้นผมอาจมีการหลุดร่วงได้ตามวงจรปกติ แต่เซลล์รากผมที่แข็งแรงจะไม่ได้หลุดออกมาด้วย ดังนั้น เส้นผมที่ขึ้นมาใหม่ก็จะเป็นเส้นผมที่แข็งแรง และสามารถอยู่กับเราไปได้ตลอดชีวิต

ผู้ที่รับบริการจะไม่รู้สึกเจ็บขณะทำการปลูกผม เพราะแพทย์จะฉีดยาชาหรือให้ยานอนหลับอย่างอ่อน จะเจ็บแค่ช่วงแรกที่มีการฉีดยาชาเท่านั้น หลังจากยาออกฤทธิ์จะไม่รู้สึกเจ็บเลย